ผู้เขียน: คีตาญชลี แสงสังข์
นักสืบหลังเลนส์

ถ้าถามความรู้สึกแรกเมื่ออ่านนวนิยายสืบสวนสอบสวนเรื่อง นักสืบหลังเลนส์ จบลง คำตอบคือปลอดโปร่งโล่งใจ...
พูดอย่างนี้อย่าเพิ่งตีความในทางลบหรือเข้าใจผิดคิดไปว่ากว่าจะจบลงได้มันช่างน่าอึดอัดและน่าเบื่อเสียเหลือเกิน
เปล่าครับ ผมเพียงจะบอกว่าในระหว่างที่อ่านรู้สึกทรมานใจต่างหาก เนื่องจากผู้เขียนวางโครงเรื่องไว้อย่างดี ผูกปมเอาไว้ไว้แน่นหนา แล้วมอบหมายภารกิจให้ “ช่างภาพ” มืออาชีพ ทำหน้าที่ “นักสืบสาว” แบบตกกระไดพลอยโจน ค่อยๆสืบหาตัวฆาตกรอย่างรอบด้านและรัดกุม ด้วยการสืบเสาะหาเบาะแส เก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ถึงความน่าจะเป็นในประเด็นต่างๆ เพื่อหาแรงจูงใจของฏาตกรรมเลือดเย็น
หลายครั้งหลายเหตุการณ์ดูเหมือนว่านักสืบตัวแสบกำลังจะสาวเข้าใกล้ตัวฏาตกรแค่ปลายจมูกอยู่แล้ว แต่มีเหตุให้ไขว้เขว หรือหักเหเบี่ยงเบนความสนใจไปทางอื่นอย่างน่าเสียดาย
นี่ละที่ผมบอกว่ารู้สึกทรมานใจ
และนี่ละคือเสน่ห์
เสน่ห์ชวนให้หลงใหล หลอกล่อให้ตามต่อจนจบ
ถ้าจะบอกว่าผู้เขียนสนุกกับการหลอกผู้อ่านก็คงไม่ผิดนัก (ช่างใจร้ายเสียนี่กระไร)
แต่ก็นั่นละ หากสามารถหลอกล่อให้ผู้อ่านไปต่อจนจบเรื่อง และเมื่อจบแล้วรู้สึกโปร่งโล่ง ประทับใจ อิ่มในรสวรรณศิลป์ ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์สำคัญของการเขียนโดยมิต้องสงสัย
ส่วนเรื่องราวที่นำเสนอจะดำเนินไปทิศทางไหน สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากน้อยเพียงใด ระหว่างทางพบเจออะไรบ้าง คงเป็นหน้าที่ของผู้อ่านในการค้นหา ผมไม่อยากชี้นำ แต่ในชั้นนี้อยากบอกว่าผู้เขียนใช้ภาษาอย่างแยบคาย บรรยายบุคลิกตัวละครได้เห็นภาพเห็นความแตกต่างชัดเจน ทั้งสีหน้า กิริยาท่าทาง อารมณ์ของตัวละครซึ่งมีบุคลิกโดดเด่นเฉพาะตัว ผู้อ่านสามารถจินตนาการได้จากตัวหนังสือที่มีชีวิตโดยไม่ต้องอาศัยภาพถ่าย ทั้งที่เป็นเรื่องราวของ นักสืบหลังเลนส์ แท้ๆ
ความโดดเด่นอีกประการหนึ่งของนวนิยายเรื่องนี้คือ ผู้เขียนเก็บรายละเอียดได้ดี ไม่ทิ้งแม้แต่ประเด็นเล็กๆน้อยๆผูกปมอะไรไว้ก็ตามคลี่คลายได้หมดจด ทั้งนี้มิได้หมายความว่าจะเฉลยออกมาตรงๆทื่อๆ แต่ซ่อนไว้ในระหว่างบรรทัดใส่ไว้ในเรื่องอย่างลงตัว สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ถือเป็นหัวใจของนวนิยายสืบสวนสอบสวนที่ผู้เขียนควรใส่ใจและให้ความสำคัญ
ในขณะเดียวกันก็มีทั้งอารมณ์เสียดสีประชดประชัน กัดจิก แถมมีอารมณ์โรแมนติกเล็กๆให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ และสำคัญกว่านั้น ผู้เขียนไม่หลงลืมอารมณ์ขัน ผู้อ่านจะพบเจอได้เป็นระยะๆ บางครั้งแม้ในยามคับขันก็ยังมีอารมณ์ขันสอดแทรกไว้อย่างกลมกลืน ทำให้อ่านไปอมยิ้มไป
ถ้าถามว่านอกจากความสุขและความอิ่มเอมใจ ผู้อ่านจะได้อะไรจากนวนิยายเรื่องนี้ คำตอบแรกคือได้ฉุกคิด... คำนึงถึงจิตใจคนในครอบครัว คนรอบข้าง ว่าเราควรหันมาใส่ใจรายละเอียด อย่าพยายามยัดเยียดสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีแล้ว ถูกต้องแล้ว แต่แท้จริงอาจไม่ใช่ และในทางกลับกันอาจส่งผลร้ายตามมาชนิดคาดไม่ถึง
อีกทางหนึ่งก็ได้ฝึกวิเคราะห์ ต่อยอดความคิด รู้จักไตร่ตรองอย่างมีเหตุมีผลไปพร้อมกัน และในที่สุดจะช่วยขัดเกลาจิตใจโดยไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านี้สอดแทรกอยู่ใน นักสืบหลังเลนส์ อย่างมีชั้นเชิง

วันที่เผยแพร่ : Jul 20, 2021
สำนักพิมพ์ : -
หมวดหมู่ : ,
จำนวนหน้า : 269
ความนิยม : ยังไม่มีการให้คะแนนหนังสือเล่มนี้
SHARE ON SOCIAL MEDIA :
จำนวนที่มีให้บริการ: ไม่จำกัด

MARC Information

020 a : ISBN
978-616-04-1390-4
245 a : Title
นักสืบหลังเลนส์
260 b : Name of publisher
ไครม์แอนด์มิสทรี
260 c : Date of publication
พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2556
300 a : Total pages
269
520 a : Description
ถ้าถามความรู้สึกแรกเมื่ออ่านนวนิยายสืบสวนสอบสวนเรื่อง นักสืบหลังเลนส์ จบลง คำตอบคือปลอดโปร่งโล่งใจ... พูดอย่างนี้อย่าเพิ่งตีความในทางลบหรือเข้าใจผิดคิดไปว่ากว่าจะจบลงได้มันช่างน่าอึดอัดและน่าเบื่อเสียเหลือเกิน เปล่าครับ ผมเพียงจะบอกว่าในระหว่างที่อ่านรู้สึกทรมานใจต่างหาก เนื่องจากผู้เขียนวางโครงเรื่องไว้อย่างดี ผูกปมเอาไว้ไว้แน่นหนา แล้วมอบหมายภารกิจให้ “ช่างภาพ” มืออาชีพ ทำหน้าที่ “นักสืบสาว” แบบตกกระไดพลอยโจน ค่อยๆสืบหาตัวฆาตกรอย่างรอบด้านและรัดกุม ด้วยการสืบเสาะหาเบาะแส เก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ถึงความน่าจะเป็นในประเด็นต่างๆ เพื่อหาแรงจูงใจของฏาตกรรมเลือดเย็น หลายครั้งหลายเหตุการณ์ดูเหมือนว่านักสืบตัวแสบกำลังจะสาวเข้าใกล้ตัวฏาตกรแค่ปลายจมูกอยู่แล้ว แต่มีเหตุให้ไขว้เขว หรือหักเหเบี่ยงเบนความสนใจไปทางอื่นอย่างน่าเสียดาย นี่ละที่ผมบอกว่ารู้สึกทรมานใจ และนี่ละคือเสน่ห์ เสน่ห์ชวนให้หลงใหล หลอกล่อให้ตามต่อจนจบ ถ้าจะบอกว่าผู้เขียนสนุกกับการหลอกผู้อ่านก็คงไม่ผิดนัก (ช่างใจร้ายเสียนี่กระไร) แต่ก็นั่นละ หากสามารถหลอกล่อให้ผู้อ่านไปต่อจนจบเรื่อง และเมื่อจบแล้วรู้สึกโปร่งโล่ง ประทับใจ อิ่มในรสวรรณศิลป์ ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์สำคัญของการเขียนโดยมิต้องสงสัย ส่วนเรื่องราวที่นำเสนอจะดำเนินไปทิศทางไหน สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากน้อยเพียงใด ระหว่างทางพบเจออะไรบ้าง คงเป็นหน้าที่ของผู้อ่านในการค้นหา ผมไม่อยากชี้นำ แต่ในชั้นนี้อยากบอกว่าผู้เขียนใช้ภาษาอย่างแยบคาย บรรยายบุคลิกตัวละครได้เห็นภาพเห็นความแตกต่างชัดเจน ทั้งสีหน้า กิริยาท่าทาง อารมณ์ของตัวละครซึ่งมีบุคลิกโดดเด่นเฉพาะตัว ผู้อ่านสามารถจินตนาการได้จากตัวหนังสือที่มีชีวิตโดยไม่ต้องอาศัยภาพถ่าย ทั้งที่เป็นเรื่องราวของ นักสืบหลังเลนส์ แท้ๆ ความโดดเด่นอีกประการหนึ่งของนวนิยายเรื่องนี้คือ ผู้เขียนเก็บรายละเอียดได้ดี ไม่ทิ้งแม้แต่ประเด็นเล็กๆน้อยๆผูกปมอะไรไว้ก็ตามคลี่คลายได้หมดจด ทั้งนี้มิได้หมายความว่าจะเฉลยออกมาตรงๆทื่อๆ แต่ซ่อนไว้ในระหว่างบรรทัดใส่ไว้ในเรื่องอย่างลงตัว สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ถือเป็นหัวใจของนวนิยายสืบสวนสอบสวนที่ผู้เขียนควรใส่ใจและให้ความสำคัญ ในขณะเดียวกันก็มีทั้งอารมณ์เสียดสีประชดประชัน กัดจิก แถมมีอารมณ์โรแมนติกเล็กๆให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ และสำคัญกว่านั้น ผู้เขียนไม่หลงลืมอารมณ์ขัน ผู้อ่านจะพบเจอได้เป็นระยะๆ บางครั้งแม้ในยามคับขันก็ยังมีอารมณ์ขันสอดแทรกไว้อย่างกลมกลืน ทำให้อ่านไปอมยิ้มไป ถ้าถามว่านอกจากความสุขและความอิ่มเอมใจ ผู้อ่านจะได้อะไรจากนวนิยายเรื่องนี้ คำตอบแรกคือได้ฉุกคิด... คำนึงถึงจิตใจคนในครอบครัว คนรอบข้าง ว่าเราควรหันมาใส่ใจรายละเอียด อย่าพยายามยัดเยียดสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีแล้ว ถูกต้องแล้ว แต่แท้จริงอาจไม่ใช่ และในทางกลับกันอาจส่งผลร้ายตามมาชนิดคาดไม่ถึง อีกทางหนึ่งก็ได้ฝึกวิเคราะห์ ต่อยอดความคิด รู้จักไตร่ตรองอย่างมีเหตุมีผลไปพร้อมกัน และในที่สุดจะช่วยขัดเกลาจิตใจโดยไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านี้สอดแทรกอยู่ใน นักสืบหลังเลนส์ อย่างมีชั้นเชิง

ข้อมูลรีวิวหนังสือ

  • ไม่พบข้อมูลรีวิวของหนังสือเล่มนี้ในขณะนี้